จงขยันเรียนรู้ และพัฒนาตนเองต่อไป



การลงทุนมีความเสี่ยง จงเรียนรู้วิธีการบริหารความเสี่ยงและลงทุนอย่างฉลาด อย่าคิดว่าเป็นการพนันเพราะคุณจะเสียอย่างเดียวไม่มีทางได้จริงอย่างยั่งยืน ปัจจัยทางเทคนิคการตลาดการข่าว เวลาที่ลงทุนและเหตุการณ์ตื่นข่าวข่าวลวงทุกอย่างประกอบกัน ต้องมีไหวพริบใจเย็นไม่โลภตื่นตัวเสมอเมื่อตัดสินใจลงทุนไปแล้ว เราควบคุม...เกมส์ของตัวเอง อย่าให้ใครมาคุม...เกมส์ของเรา เว็บไซต์นี้เพียงวางเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่รับเทรดหรือระดมทุนใดๆทั้งสิ้น อยากรู้ก็อ่านเอา อยากเล่นอยากรวยก็เสี่ยงเอาเอง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าโทษใครถ้าใจไม่ถึงไม่มั่นคง ข้อมูลไม่แน่นเทคนิคไม่พอ จงโทษตัวเอง

17 มิ.ย. 2557

การวางเป้าหมายจากเงินทุน

การวางเป้าหมายกำไร +20%
โดยใช้สูตรการวางเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นเพียง 10%-20% ต่อเดือน แล้วนำทุน+กำไร ไปคำนวณเพื่อตั้งต้นทุนในเดือนถัดไป อย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาสะสมตามเป้าหมาย 12 เดือน
"ไม่โลภได้แน่ๆ...ไม่โลภได้แน่ๆ...สาธุ"
             

                     เชื่อเสมอว่า หากเราเริ่มตั้งความสำเร็จตั้งแต่ต้น เราก็จะไปถึงจุดนั้นได้ หากต้องเลือกในสิ่งที่อยากทำกับสิ่งที่ต้องทำ เราไม่จำเป็นต้องเลือกก็ได้ เพียงแต่เราต้อง รู้จักการผสมผสานทั้งสองอย่าง ไว้ด้วยกัน ความฝันกับความจริง ไม่มีทางที่จะเป็นสิ่งเดียวกัน หากไม่รู้จักนำความฝันมาทำให้เป็น เรื่องจริงได้ เส้นชัยก็คงเป็นเส้นชัย หากเราไม่เริ่มก้าวเท้าเข้าไปหามัน สิ่งที่ทำไม่ได้ก็จะเป็น สิ่งที่เราทำไม่ได้ หากไม่คิดที่จะทำมันให้สำเร็จ

เป็นมืออาชีพได้ใน 20 ชม.

เพิ่งได้ดูคลิปๆหนึ่งของคุณ Josh Kaufman เรื่องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ(ทุกอย่าง)ภายใน 20 ชม.
เพียงแต่แค่ 20 ชม. ทำให้เราสามารถเริ่มต้นทำอะไรนั้นได้เลย
เพียง 4 ขั้นตอน
1. Deconstruct the skill
2. Learn enough to self-correct
3. Remove practice barriers
4. Practice at least 20 hours
วลีเด็ดของคุณ Josh Kaufman
” The major barrier to learn something new is not intellectual, it is emotional “

Credit : https://mrchaidotnet.wordpress.com

16 มิ.ย. 2557

ระบบเทรดสั้นๆ แบบไนจีเรีย

เทรดสั้นแบบไนจีเรีย
วีดีโอสอนการเทรดสั้นๆ Credit : thaiforexschool.com
ที่นี่เลยครับ >>> www.youtube.com/watch?v=VmOdGpI-8_M

เทรดสั้นๆ เก็บเพียง 5-10 จุดเท่านั้้น 
ดาวโหลดวีดีโอที่นี่ครับ   http://www.mediafire.com/?ifjsujm5jgmzbil

15 มิ.ย. 2557

ก่อนคิดใช้ทุกความรู้ในการเทรด

Congratulations จบการศีกษา

ตอนนี้คุณก็พร้อมที่จะครองโลกฟอร์เร็กซ์แล้ว คุณพร้อมที่จะเกษียณ อีกไม่กี่ปี แล้วไปเที่ยวรอบโลกไปกับเครื่องบินส่วนตัว ใช่ไหม?
คิดอีกที ไม่ดีกว่า !
คุณฝันสลาย แต่อย่างน้อยก็ได้ฝัน ใกล้แล้ว เราบอกไว้ตั้งแต่เริ่มแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเพิ่งเทรดใหม่ คุณอาจจะเทรดได้น่ากลัว

ไม่มีใครเป็นมืออาชีพตั้งแต่แรก ทุกคนต้องเรียนรู้ และต้องใช้เวลา คุณถึง จะรู้ถึงคุณค่าของมัน การเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเทรดด้วยบัญชีจริงเลย เหมือนกับ ลงไปแข่งบาส NBA หลังจากที่ เพิ่งจะอ่านคู่มือ การเล่น บาสเกตบอล "Basketball for Dummies" คุณยังไม่ฉลาด ยังไม่แข็งแรง และยังควบคุม อะไรได้ไม่ดี คุณยังไม่ได้พัฒนาทักษะ หรือ จิตใจ ร่างกาย เพียงพอ ที่จะสู้ กับ มืออาชีพหรอก ? เหมือนกับที่ คุณกำลังเข้ามาในตลาด


กระโดงฉลาม

โลกแห่งค่าเงินนั้น ไม่แน่นอนและซับซ้อน มีคนที่สุดโต่ง อยู่ในตลาด เต็มไปหมด บางคนจบด็อคเตอร์ บางคนจบ ปริญญาโท บางคนจบจาก โรงเรียนชั้นนำ ที่มีเงินเยอะ และบางคนมีเครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูง
เมื่อคุณเข้ามาในโลกของฟอร์เร็กซ์ คุณต้องพร้อมที่จะดำผุดดำว่าย ปล้ำกับฉลามเหล่านี้ และพวกมันชอบกินเหยื่ออย่างเรา ๆ ซะด้วยสิ
คุณกลัวหรือเปล่า?


เราอยากให้แน่ใจว่า คุณเข้าใจว่า ถึงแม้ว่าคุณจะสนุกกับฟอร์เร็กซ์ขนาดไหน การเทรดฟอร์เร็กซ์ ก็เป็นเรื่องเครียด เป็นธุรกิจ และคุณต้องใส่ใจกับมันด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนต้องเอาใจใส่กับ ธุรกิจ เพื่อจะได้มีส่วนในผลประโยชน์เหล่านี้บ้าง
ใช่ คุณทำได้ แต่ว่า ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรดฟอร์เร็กซ์ บทความในเว็บนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้แบ่งปัน ให้คุณเริ่ม ในทางที่ถูกต้อง


สนใจที่กระบวนการ ไม่ใช่ สนใจแต่กำไร


สนใจกระบวนการ

เราได้คัดบทความนี้มาเพื่อให้ ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เกี่ยวกับพื้นฐาน และเครื่องมือที่ใช้ในการเทรด แต่ จำไว้ว่า เครื่องที่ดีนั้นต้องใช้ได้ง่าย สะดวกด้วย
ภาพวาดนั้น จะไม่สวยเพียงเพราะว่าใช้แค่พู่กัน ต้องอยุ่ที่ทักษะ วิสัยทัศน์ ของนักวาดรูป ที่สร้างงานศิลป์นั้นด้วย
ฟุตบอลไม่ได้วิ่งไปหาจุด เอ็นโซนได้เอง มันต้องมี ควอเตอร์แบ็ค ที่มีความสามารถในการอ่านเกมส์รับ แล้วส่ง ฟุตบอล ให้ถูกจุด ถูกเวลา

มันไม่ใช่เพราะว่า เครื่องมือ อินดิเคเตอร์ หรือ ระบบเทรด Cowbaunga หรือซูเปอร์กลยุทธ์ ที่ทำให้เงินคุณขาดทุน ตอนปลายปี แต่เป็นความสามารถในการอ่านตลาด การทำตามกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ถูกสถานการณ์ และการปรับการ จัดการความเสี่ยง อย่างต่อเนื่อง และทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน ในระยะยาว

บอล

เหมือนกับศิลปะ เหมือนกับกีฬา หรือความพยายาม ความอุตสาหะ การเทรดนั้นต้องใช้ทักษะหลายอย่าง เครื่องมืออย่างเดียว ไม่สามารถให้คุณประสบความสาเร็จได้

การทุ่มเท ให้กับการอ่าน ศึกษาหาความรู้ ทบทวน และศึกษาบันทึกการเทรดเท่านั้น ถึงจะเป็นหนทางไปสู่ ความสำเร็จ ในช่วงแรก กระบวนการเรียนรู้ควรจะมีความสำคัญมากกว่า การทำกำไร ไม่ใช่มุ่งแต่กำไรอย่างเดียว
มาดูตัวอย่างการเล่นบาสฯ ถ้าเป้าหมายของคุณคือ การเล่น NBA ให้ได้ คุณจะเล่นบาส อย่างเดียวหรือเปล่า?
หรือ คุณจะมาพัฒนาด้าน ร่างกาย การฝึกเวท เทรนนิ่ง พัฒนาทักษะการยิง การเลี้ยง จังหวะเท้า และการส่ง เพื่อให้เวลาคุณเล่นคุณจะทำได้ดีหรือเปล่า?
บางทีคุณต้องทำอย่างที่สอง ใช่ไหม?
ถ้าคุณมุ่งไปที่ NBA โดยไม่ฝึกอะไรเลย คุณจะทำแต้มเท่านั้น หรือ คุณอยากชนะกันหล่ะ ?

เรียนรู้ตลาด เรียนรู้เทคนิคการเทรด และการเรียนรู้การใช้ระบบเทรดที่มีความเป็นไปได้ในกำไร เรียนรู้ในการ จัดการความเสี่ยงด้วยการใช้การจัดการออร์เดอร์ หรือ ตั้งจุดหยุดขาดทุน แล้วใช้ทั้งหมด มาฝึกในบัญชีเดโม

หลังจากนั้น กระบวนการเหล่านี้ จะนำคุณไปสู่ระบบ ที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ โดยมีกำไรมากกว่าขาดทุน ในท้ายที่สุด


วัวศักดิ์สิทธิ์ ไม่มี จอกศักดิ์สิทธิ์ หรอก !

วัวศักดิ์สิทธิ์

ลองถาม นักคณิตศาสตร์ แถว วอลสตรีท ว่าทำไม ไม่มีเครื่องมือเทพ อย่างว่า หรือว่า วิธีการเทรด ที่ไม่มีทาง ขาดทุน ร้อยเปอร์เซ็นต์
พวกเขาจะให้คำตอบ มา 2 อย่างคือ
1. คุณไม่สามารถบอกอนาคตได้ มีวิธีที่จะรู้ว่า ธนาคารกลางจะประกาศอะไร ? หรือว่า มีวิธีที่นักลงทุน ระดับซุปเปอร์สตาร์ หรือ ผู้จัดการกองทุนพูด หรือ คิด ในช่วงที่สัมภาษณ์ในทีวี ? คุณจะรู้ไหมว่าเมื่อไหร่ ผู้ก่อการร้ายจะก่อการเมื่อไหร่ ? เรื่องภัยธรรมชาติ อย่างเช่น แผ่นดินไหว หรือว่า สึนามิ ?

เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่มีทางคาดเดาได้ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และมันจะส่งผลกระทบในตลาดอย่างไร เข้าใจว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งในการเทรด และสิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดก็คือ เตรียมตัวให้พร้อม เตรียมพร้อม เมื่ออะำไรมันจะเกิด

2. ข้อมูลไม่ได้ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลง แต่ คนเทรดต่างหาก
จะมีเวลาที่ข้อมูลกับราคานั้นไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอยู่ ทำไมเป็นอย่างนั้น ? บางทีผลราคา มันอาจจะเคลื่อนไหวไปก่อน ? บางทีเทรดเดอร์ไม่ได้สนใจเรื่องข้อมูลที่ออกมา บางทีสถาบันนั้น ได้เข้าเทรด ในทิศทางที่ผิดก็ได้ ? แล้วนักเทรดทุกคนในตลาด จะตัดสินใจเช่นเดียวกันในตลาดอย่างนั้นหรือ ?

ไม่ว่าราคาจะเป็นอย่างไรก็ตาม การตัดสินใจที่ทำให้ตลาดไม่ได้ออกมาอย่างที่เราคาดคิด ไม่มีเหตุผลมาอธิบายนั้น มีอยู่บ่อย ๆ
ถ้าคุณคิดเรื่องเทรดเดอร์ เป็นล้าน ๆ คน ที่มีเป้าหมาย และกลยุทธ์การเทรดที่แตกต่างกัน มีขนาดบัญชีที่แตกต่าง กัน และมันจะมาบอกทิศทางตลาดได้นั้นจะยากขนาดไหน
คุณไม่สามารถคำนวณพฤติกรรมมนุษย์ หรือว่า คำนวณเหตุการณ์ในอนาคต โดยใช้สมการคณิตศาสตร์ เพื่อจะ กำจัดความเสี่ยงนี้ ไปได้หมดหรอก มันมีความไม่แน่นอนเสมอ และก็ต้องมีบ้างที่เราเทรดผิด หรือ ขาดทุน ไม่เป็นไปตามที่ตลาดเคลื่อนไหวบ้าง จริง ๆ แล้ว มีหลายครั้งที่คุณเทรดผิดได้
ความสมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยง สำหรับใครก็ตามที่คิดว่า ต้องถูกเสมอ เราต้องเตือนคุณไว้ก่อน..


ไม่มีใครบอกได้ว่า ตลาดมันจะไปทิศทางไหน


ไม่มี

แต่ถ้าคุณยังไม่หมดหวัง ก็ให้มุ่งหน้าหาจอกศักสิทธิ์ ต่อไป
แต่ถ้าคุณสามารถหา ยูนิคอร์นสีชมพู ยืนอยู่ใต้สีรุ้ง คุณก็จะเจอกับ leprechaun เค้าก็จะให้จอกศักสิทธิ์ กับคุณ แล้วก็ iPhone5! โชคดี

ยูนิคอร์น สีชมพู

อดทน และ มีวินัย

อดทน
มันคือความจริง โดยเฉพาะในการเทรด Arnold H. Glasgow ตลกอเมริกันคนหนึ่ง บอกว่า "กุญแจในการทำทุกอย่างคือ ความอดทน คุณอยากได้ไข่ คุณก็ต้องเลี้ยงไก่ ไม่ใช่ทุบไก่"
การพัฒนาแผนการเทรดจะต้องใช้เวลา พัฒนาทักษะก็ต้องใช้เวลา การรอเพื่อให้เทรด ในช่วงเวลาที่ถูกต้อง ต้องใช้ความอดทน การเข้าและออก ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ต้องใช้ความอดทน


วินัย
วินัย ในการเทรดนั้นก็สำคัญ และหมายความว่าการทำอะไรก็ตาม คุณต้องทำตามขั้นตอน แม้ว่าคุณไม่อยาก จะทำมัน
หมายความว่า คุณต้องเตรียมตัวทุกวัน ทุกสัปดาห์ ด้วยการศึกษากราฟ และข้อมูล
ถ้าคุณเป็นเครื่องจักรอัตโนมัติ หรือ คุณเป็นนักเทรดหุ่นยนต์ หมายความว่า คุณต้องทดสอบระบบ และพยายามตั้งค่าต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่แตกต่างกันในสภาวะตลาดที่ต่างกัน
และแน่นอน อย่าลืม่จดบันทึก ทบทวนทุกวันที่คุณเทรด
การบันทึกการเทรดเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่การเทรด ที่แบ่งแยกเทรดเดอร์มืออาชีพ กับ มือสมัครเล่น แต่แย่หน่อย ที่มือใหม่ไม่ค่อยสนใจมากนัก
แนวคิดในการเทรด และเทคนิคง่าย และธรรมดาในการเรียนรู้ แต่สิ่งที่ยาก คือ การเรียนรู้ที่จะอดทน และความมี วินัย อดทนรอถึงเวลาที่ถูกต้อง การตัดสินใจที่ดี จะว่าเป็นเรื่องที่ยากที่จุดที่เราจะต้องเอาใจใส่มันเลยก็ว่าได้
สำหรับมือใหม่ การนั่งดูอยู่ข้าง ๆ เป็นการเสียโอกาสในการทำกำไร
การคิดแบบนี้นำไปสู่ความล้มเหลวในการฝึกความอดทน และความมีวินัย และเป็นสาเหตุ ของความผิดพลาด ในการเทรด :
- แรงเย้ายวนในการเทรด
- ปล่อยให้ขาดทุนเยอะเกินไป
- ตัดทำกำไรเร็วเกินไป
- แก้แค้นในออร์เดอร์ที่ขาดทุน

ไก่ ไข่
พฤติกรรมเหล่านี้จะเผาบัญชีคุณ !

จำไว้ว่า งานของคุณในฐานะมือใหม่ คือเรียนรู้ที่จะตัดสินใจเข้าเทรดให้ดี และอยู่ให้รอด
สิ่งที่คุณต้องทำให้ได้คือ อดทนและมีวินัย เพื่อที่จะมองไปข้างหน้าในฐานะนักเทรดมาราธอน ไม่ใช่นักเทรดร้อยเมตร
และนี่ไม่ใช่วิธีที่จะรวยได้ในข้ามคืน
ต้องใช้ความทุ่มเทในการสร้างทักษะที่จะทำให้คุณได้กำไรในการเทรดในทุกสภาพตลาด ที่มันเข้ามาหาคุณ
ยิ่งไปกว่านั้น ปลดโซ่ตรวนของตัวเอง สู้ !!
ถ้าคุณอดทน และรักษาวินัย และทุ่มเทในการปรับปรุงตัวเอง แล้วฐานะของนักเทรดอ่อนหัดที่คุณเป็น อาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบได้ กับสิ่งที่จะเข้ามาในการเทรดของคุณ

อีกอย่าง..
จำไว้ว่า โอกาสที่ดีมักจะเกินขึ้นทุกวัน !
ไม่จำเป็นต้องรีบ ทำให้เสียการ และพวกเขาจะดึงให้คุณไม่ไปถึงเป้าหมาย
พยายามยึดกับแนวคิดของคุณไว้ และถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นอย่างที่คุณคิด ก็ให้รอโอกาสต่อไป
แม้ว่าโลกจะหยุดเทรดค่าเงิน แต่ก็จะมีโอกาสให้เราอยู่เสมอ
การจะกลายมาเป็นนักเทรดที่ดี ไม่จำเป็นต้องอัจฉริยะ มีไอคิวสูง เรียนในโรงเรียนชั้นนำ หรือ ไม่ต้องมี 3 มือ 3 ตา
มันต้องใช้เวลา คุณต้องเก็บชั่วโมงในการศึกษาตลาด ศึกษากราฟ และฝึกเทรดให้ดี ถ้าคุณมีความท้าทายในการเทรด และสนุกกับมัน โอกาสในการอยู่รอดคุณมีสูง

โอเค เริ่มผจญภัยในโลกของฟอร์เร็กซ์ กับเรา
ลุยกันเลย
อย่าหยุดปรับปรุงตัวเองทุก ๆ วัน คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีกว่านี้ได้

win pip

ขอให้โชคดีในการเทรด !




credit http://indicatorforex2tred.blogspot.com/

เลือกแนวรับแนวต้านอย่างไรดี?


คุณ Lobo2010 เข้ามาตั้งกระทู้ว่า เขาได้ศึกษาเรื่องของแนวรับแนวต้านมาได้สักระยะหนึ่งแล้วและได้สร้างวิธีเทรดของตัวเองขึ้นมาโดยเข้าเทรดจากบริเวณแนวรับ
แนวต้านเหล่านี้ แต่ปัญหาของเขาตอนนี้คือ เขาเห็นแต่แนวรับแนวต้านเต็มไปหมดตรงนั้นก็ใช่ ตรงนี้ก็ใช้ได้ มันทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะตัดสินใจเลือกว่า
แนวรับแนวต้านไหนสำคัญอันไหนไม่สำคัญ เขาจึงอยากจะได้ความเห็นจากเพื่อน ๆ ร่วมเว็ปว่าควรเลือกแนวรับแนวต้านอย่างไรดี


คุณ Moody เข้ามาตอบคนแรกเลยว่า สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นพื้นฐานที่สุดแต่ก็ยากที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์เลยก็ว่าได้ มันต้องใช้เวลาและประสบการณ์ใน
การศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจมัน สำหรับเขาแล้วเขามีหลักการณ์ในการณ์พิจารณาแนวรับแนวต้านที่สำคัญดังนี้

  1. สร้างโซนขึ้นมาในบริเวณที่ราคาเป็นเทรนและโซนที่ราคาปรับฐาน ตราบเท่าที่คุณยังสามารถแยกสองโซนนี้ออกจากกันได้ คุณจะเจอแนวรับแนวต้านที่เหมาะสมได้
  2. แนวรับแนวต้านที่ราคาเคยทะลุได้เช่น บริเวณที่เคยเป็นแนวรับแต่ปัจจุบันเปลี่ยนแนวต้านเพราะราคาสามารถทะลุได้สำเร็จ
  3. พยายามมองหาบริเวณที่ราคาชอบหยุดหลาย ๆ ครั้งหรือไปต่อไม่ได้ ณ บริเวณจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของสวิง ให้มองกลับไปหาบริเวณเทรนสิ้นสุดและการปรับฐานเริ่มสร้างตัวขึ้น
  4. มองหาแนวรับแนวต้านที่เทรดเดอร์คนอื่นมองอยู่เช่นเดียวกับคุณ ดูว่าเทรดเดอร์คนอื่น ๆ ทำอย่างไรกับแนวรับแนวต้านเหล่านั้นแล้วคุณก็จะ “อ๋อ” เอง
  5. ซ้อม ซ้อม ซ้อม แล้วก็ ซ้อม นี่ป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการดูแนวรับแนวต้าน เลื่อนกราฟกลับไปดูย้อนหลังแล้วลองลากแนวรับแนวต้านเล่น ๆ ดู มันจะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น


คุณ KelvinLee เข้ามาแนะนำวิธีของเขาว่า เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีแนวรับแนวต้านเต็มไปหมดในทุก ๆ วันแต่ประเด็นที่สำคัญคือ เทรดเดอร์คนนั้นจะแยกแนวรับแนวต้าน
ที่สำคัญได้รึเปล่า ตัวเค้าเองมีหลักอยู่ 3 ข้อในการพิจารณาเรื่องแนวรับแนวต้านคือ

1. หา Swing High Swing Low ให้เจอก่อนเลยอันดับแรก มี Swing High Swing Low มากมายในกราฟแต่ละวัน แต่ผมสนใจเฉพาะอันที่เป็น Swing High
Swing Low  หลัก ๆ เท่านั้น แนว Swing High Swing Low หลัก ๆ ของผมคือแนวที่มีแท่งเทียนตั้งแต่ 3 แท่งขึ้นไปติดอยู่

2.ผมใช้ Fibonacci Retracement ในการระบุแนวรับแนวต้านที่สำคัญ ๆ ของผม โดยแนวที่ผมจะให้ความสำคัญจะอยู่ที่แนว 38.2%, 50% และ 61.8% ครับ
3.ผมใช้ Pivot ในการระบุแนวรับแนวต้านที่สำคัญเช่นกันเพราะ พวก pop trade ที่ทำงานให้กับโบรกเกอร์ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน ก่อนที่ผมจะเทรดทุกวัน ผมจะต้องหากแนว
Pivot ของราคาให้เจอก่อนเสมอเพราะแนวของ Pivot สามารถใช้เป็นจุดเข้าจุดออกที่ดีได้ เราไม่ต้องคำนวณ Pivot เองให้ยุ่งยาก สมัยนี้มีเว็ปไซต์มากมายที่ให้บริการเรื่อง
การคำนวณ Pivot ฟรีเพียงแค่เอาค่าที่เค้ากำหนดไปใส่เท่านั้นมันก็จะคำนวณออกมาให้เลย


คุณ Lobo2010 เจ้าของกระทู้ก็ได้ลองเอาคำแนะนำของคนอื่น ๆ มาลากให้ดู โดยเขาเริ่มลากในกราฟ GBP/JPY โดยเริ่มลากจากจากกราฟแบบ Weekly (โซนสีฟ้า)
และแบบ Daily (เส้นสีม่วง)



คุณ DGC เข้ามาเสริมว่า สำหรับเขาแล้ว เขาเทรดโดยใช้ Renko Chart ใน Time Frame สูง ๆ มันทำให้เขามองหาแนวรับแนวต้านได้ง่ายดี
(สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Renko Chart คืออะไรสามารถไปอ่านได้ที่ บทความนี้ของคุณ PipsHunter เลยครับ)
 Renko Chart << < <

คุณ naddix คอมเม้นว่า คุณทำได้ดีแล้วในเรื่องของการหาแนวรับแนวต้าน ในความเห็นของเขา เขาแนะนำว่าให้ลองมองหาบริเวณคุณคิดว่าตรงนี้เป็นแนวรับแนวต้านชัวร์ ๆ
คือ มองแบบไม่ต้องคิดก็รู้ว่าบริเวณนี้ใช่ อารมณ์แบบนั้น แต่ถ้าหาไม่เจอก็ค่อยไปมองหาในระดับ Monthly และที่สำคัญที่สุด ผมจะเลือกเทรดแต่แนวรับแนวต้านที่ผมมั่นใจเท่านั้น


คุณ LasVahGoose เข้ามาให้ความเห็นว่า คอมเม้นที่ผ่านมาก่อนหน้านี้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ดีแล้ว ผมจะขอเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยละกัน การเลือกแนวรับแนวต้าน คุณต้อง
อย่าลืมว่าแนวรับแนวต้านจะเปลี่ยนไปตาม Time Frame ยิ่ง Time Frame สูงมากเท่าไหร่ ความสำคัญของแนวรับแนวต้านก็จะมากขึ้นเท่านั้น การใช้
Fibonacci ก็ลองลากจาก Swing High Swing Low ของกราฟ Monthly ดูและสังเกตราคาบริเวณแนว 50% ของ Fibonacci ดูก็ใช้ได้ครับ



คุณ Jhig บอกเพิ่มว่า อย่าลืมดูแนวราคาจิตวิทยาด้วยนะ พวกแนวที่ตัวเลขลงท้ายด้วย 00 หรือ 50 นะเช่น 1.3500 หรือ 1.3550 เป็นต้นแต่แนวที่ลงท้ายด้วย
00 จะสำคัญกว่าโดยเฉพาะแนวที่ลงท้ายด้วย 000 เช่น 1.3000 เหตุผลที่ 000 เป็นแนวที่สำคัญเพราะนักลงทุนที่เล่นใน Time Frame สูง ๆ ใช้แนวพวกนี้
เป็นแนว TP หรือจุดเข้าของพวกเขานั่นเอง




สำหรับเรื่องนี้เป็นคำถามที่หาคำตอบกันมานมนานในโลกแห่งการลงทุน แต่ละคนก็จะคอยถามผู้รู้ ถามกูรูว่า แนวรับแนวต้านที่สำคัญ ดูอย่างไร อยู่ตรงไหนบ้าง
จากประสบการณ์ของผม ก่อนจะถามว่าแนวรับแนวต้านที่สำคัญอยู่ตรงไหนบ้าง คุณต้องถามตัวเองก่อนว่าตัวเองเทรดแบบไหน? เก็บสั้น? เก็บยาว? เพราะวิธีการเทรด
ของคุณจะส่งผลต่อ Time Frame ที่คุณเลือกจะเทรดและเมื่อคุณเลือกจะเทรดใน Time Frame ใดแล้ว ความสำคัญของแนวรับแนวต้านก็จะเปลี่ยนตามกราฟ
ที่คุณเลือก อย่างวิธีการเทรดของผม ผมจะเทรดที่กราฟ 5 นาที สิ่งที่ผมจะมองหาในแต่ละวันคือ


  1. Swing High สูงสุด/ Swing Low ต่ำสุดของกราฟเมื่อวาน
  2. Swing High/ Swing Low ล่าสุดของกราฟวันนี้
  3. ลาก Fibonacci จาก Swing High สูงสุด/ Swing Low ต่ำสุดของกราฟเมื่อวานดูที่ 50% แล้วใช้ตรงนั้นเป็น Pivot

 เมื่อได้แนวเหล่านี้ในแต่ละวันแล้วที่เหลือก็คือการมองพฤติกรรมของราคาให้ออกครับ ส่วนการตั้ง Stop Loss และ Taking Profit ผมจะไม่ตั้ง Stop Loss
เพราะเมื่อสามารถมองสวิงของราคาออกจาก 3 ข้อด้านบน ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งให้เป็นกรอบของราคาหรือให้ราคาเหวี่ยงไปกินเล่น ถ้าทะลุไปผมทำใจคัททิ้งได้โดยไม่
เสียดาย ดังนั้นการคัททิ้งจึงเป็น Stop Loss ของผมเองส่วน Taking Profit ผมจะรอให้ราคาวิ่งไปก่อนสักสวิงแล้วค่อยตั้ง Trailing Stop ไล่ไปเอาครับ


Credit http://www.thaiforexschool.com

แนวรับแนวต้าน พื้นฐานที่ควรรู้

แนวรับ(Support) คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟ แล้วราคาได้ลงมาทดสอบอีกครั้ง เราจะใช้จุดนั้นเป็นแนวรับ ถ้าราคาลงมาทดสอบจุดนั้นแล้วไม่สามารถผ่านลงไปได้ แนวรับนั้นจะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง (Strong Support) โดยราคาจะลงมาทดสอบอย่างน้อย 2 ครั้ง (Double Bottom) หรือ 3 ครั้ง (Triple Bottom)  ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวรับเหล่านี้ได้ มันก็จะกลับตัวขึ้นไปอีกครั้ง
      แนวรับมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.แนวรับหลัก( Major Support ) 2. แนวรับรอง (Minor Support)
      แนวรับหลัก(Major Support)จะเป็นจุดกลับตัวของกราฟ จากแนวโน้มขาลงกลายเป็นขาขึ้น ส่วนแนวรับรอง(Minor Support) จะเป็นจุดสูงสุดหรือ ต่ำสุดของกราฟ ที่เกิดการสวิงของราคา
      
      ภาพตัวอย่างแนวรับ
      
      

         
      
      แนวต้าน (Resistance) คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟแล้วราคากลับขึ้นไปทดสอบอีกครั้ง ถ้าราคาทดสอบจุดที่เป็นแนวต้านแล้วไม่ผ่านสามารถผ่านได้ จุดนั้นจะกลายเป็น แนวต้านที่แข็งแกร็ง (Strong Resistance) โดยที่ราคาจะไปทดสอบ 2 ครั้ง( Double Top ) หรือ 3 ครั้ง(Triple Top )
       แนวต้านก็แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Major Resistance และ Minor Resistance
      
      ภาพตัวอย่าง แนวต้าน Resistance
      
      

         
      
      ต่อไปเรามาดูกันครับ ว่าเราจะสามารถหาแนวรับแนวต้านได้จากอะไรบ้าง ผมจะแบ่งออกเป็น  4 ประเภทนะครับ
      1. การหาแนวรับ-แนวต้าน จาก จุดสูงสุด High และ จุดต่ำสุด Low เก่าๆจุดกลับตัวของกราฟ 
      ดูจากรูปกันเลยครับ 
      

         
      
      ดูแนวรับแนวต้านของEUR จากราคาปัจจุบันกันเลยครับ
      

         
      
      จะสังเกตว่า จุดกลับตัว และจุดสูงสุด และต่ำสุดของกราฟในอดีตสามารถใช้เป็นแนวรับและแนวต้านได้
      
      

         
      
      2.หาแนวรับแนวต้านจากการคำนวณ
      เราจะใช้ราคาปิด(Close) ราคาสูงสุด ( High) และ ราคาต่ำสุด (Low) ของเมื่อวานมาคำนวณครับ
      โดยเอาเม้าไปชี้้ที่แท่งเทียน Daily ครับ ดังรูป
      

         
      
      เมื่อได้ค่าแล้วก็นำมาใส่สูตรดังนี้ครับ C=Close H=High L=Low
      P=Pivot  
      S=Support
      R=Resistance
      Calculate
      P=(H+L+C)/3
      

นำ P มาคำนวนหา แนวรับและแนวต้าน
      Support แนวรับ
      S1=P-0.382(H-L)
      S2=P-0.500(H-L)
      S3=P-0.618(H-L)
      
      Resistance แนวต้าน
      R1=P+0.382(H-L)
      R2=P+0.500(H-L)
      R3=P+0.618(H-L)
      
     

 ตัวอย่างการคำนวน แนวรับแนวต้านของอียู กราฟวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553
     

 จากกราฟราคาของวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2553  ราคาต่ำสุด L=1.3559 ราคาสูงสุด H= 1.3683 ราคาปิด C=1.3633
      P=(1.3683+1.3559+1.3633)/3 = 1.3625  , H-L=0.0124
      S1=1.3625-0.382(0.0124)=1.3577
      S2=1.3625-0.500(0.0124)=1.3563
      S3=1.3625-0.618(0.0124)=1.3548
      
      R1=1.3625+0.382(0.0124)=1.3672
      R2=1.3625+0.500(0.0124)=1.3687
      R3=1.3625+0.618(0.0124)=1.3701
      
      เมื่อได้ค่าแล้วก็จดบันทึกไว้ หรือเอาไปติดไว้บนกราฟก็ได้ โดยใช้เครื่องมือ Horizontal Line ใส่ราคาลงไป จะได้ดังรูป
      

         
      แต่ไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยากหรอกครับ ลองโหลด Indicator เกี่ยวกับ แนวรับและแนวต้านเอาไปใช้กันนะครับ DownLoad Support and Resistance Indicators
      
      

 อีกหนึ่งวิธีคือ  ใช้เว็บคำนวนครับ
      http://www.pivotpointcalculator.com/
      http://www.actionforex.com/markets/pivot-points/standard-pivot-points-2010040848154/
      
      Actionforex เป็นเว็บที่ให้ความรู้ได้ดีครับ ผมศึกษาวิธีการวิเคราะห์กราฟ ลากเทรนไลน์จาก บทวิเคราะห์ของ Actionforex
      
      3. หาแนวรับ-แนวต้านจาก Fibonacci 
      
หาแนวรับแนวต้านจาก Fibonacci Retrace 

การหาแนวรับ จาก Fibonacci Retracement   ก่อนอื่นเลยเราต้องใช้ Fibonacci วัดจาก Low ไปหา
      
      High ของคลื่นปัจจุบัน แล้วหาแนวรับจากระดับการปรับฐานของ Fibonacci ที่ ระดับ 78.6 61.8 50.0  38.2 23.6 และ 0 % ดังรูป
      

         
      
      และแนวต้านที่อยู่เหนือระดับ Fibonacci 100 % แนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 138.2, 161.8 ,261.8,และ 423.6 % ดังรูปด้านล่าง
      

         
      
              หาแนวต้านจาก Fibonacci Retracement โดยการวัดขาลง
      
      

         
      
      

             
  •             หาแนวรับแนวต้านจาก Fibonacci Fan 
  •       
      Fibonacci Fan  วัดได้สองแบบคือ 1. วัดขาขึ้น Bullish โดยทั่วไป หุ้นมีขึ้นมันก็ต้องมีลง เมื่อราคาขึ้นไปสูงสุด ก็ต้องลงมาปรับฐาน ตำแหน่งที่มันจะปรับฐานก็คือตำแหน่งของ Fibonacci 61.8-38.2 %
      ดูรูปด้านล่างนะครับ
      
      ตัวอย่างการใช้ Fibonacci Fan วัดหาราคาแนวรับ(ราคาปรับฐาน)ของราคาขาขึ้น
      
      

         
      วิธีการวัด ใช้เอา Fibonacci Fan ไปที่จุด Low แล้วลากไปไว้ที่ High
      
      ตัวอย่างใช้ Fibonacci Fan เพื่อหาแนวต้านของราคาขาลง (ราคาปรับฐาน)
      

         
      
      Fibonacci Fan เปรียบเสมือนเส้นแนวโน้ม แต่เป็นเส้นแนวโน้มที่ระดับต่างๆของ Fibonacci
      
      4. การหาแนวรับแนวต้าน โดยใช้ Trendline
      เทรนไลน์ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้หาแนวรับแนวต้านได้ดีทีเดียว โดยแนวต้านที่ได้จากการลากเทรนไลน์ เราจะเรียกว่า Resistance Trendline และแนวรับที่ได้จากการลากเทรนไลน์เราจะเรียกว่า Support Trendline
      
      การหาแนวรับจาก Support Trendline
      การหาแนวรับจาก Trendline เราจะวัดจากจุดต่ำสุดเก่า เทียบกับจุดกับต่ำสุด ณ ปัจจุบัน
      
      ตัวอย่างการลากเทรนไลน์เพื่อหา Support Trendline (แนวรับ )
      
      

         
      
      
      ตัวอย่างการหาแนวต้านจากการลากเทรนไลน์ (Resistance Trendline)
      

         
      
      ลองฝึกการลากเทรนไลน์นะครับ แล้ว เพื่อนๆจะรู้ว่า แค่เทรนไลน์ก็สามารถทำให้เราเทรดได้ ทำให้เรารู้ว่า จุดกลับตัวอยู่ตรงไหน แนวรับแนวต้านอยู่ตรงไหน ลองศึกษาจากเว็บต่างประเทศ หรือจาก Youtube ก็ได้นะครับ Keyword : Trendline