Forexกับหุ้น
ความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่าง ฟอร์เร็กซ์ กับ หุ้น
| ||
ความได้เปรียบ
|
Forex
|
หุ้น
|
เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
|
YES
|
NO
|
ฟรีค่าธรรมเนียมในการเทรด
|
YES
|
NO
|
สามารถส่งคำสั่งเทรดได้ทันที
|
YES
|
NO
|
สามารถเล่น Short Sell ได้
|
YES
|
NO
|
เทรดได้ 24 ชั่วโมง
ตลาดฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เพราะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง โบรคเกอร์ส่วนมากเปิดตั้งแต่วันอาทิตย์เวลาบ่ายสองจนถึงบ่ายสี่โมงวันศุกร์ (เวลาสหรัฐฯ) แต่ฝ่ายบริการลูกค้าเปิดตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน ทำให้เราสามารถเทรดสามตลาดคือ ตลาดสหรัฐฯ ตลาดเอเชียและตลาดยุโรป สามารถกำหนดตารางการเทรดได้
ฟรีค่าธรรมเนียมในการเทรด
ฟอร์เร็กซ์โบรคเกอร์ส่วนใหญ่ไม่มีการชาร์จค่าคอมมิชชั่นหรือค่าดำเนินการใดๆ ในการเทรดค่าเงินออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ ถ้ารวมค่าใช้จ่ายต่างๆและค่า spread แล้ว การเทรดฟอร์เร็กซ์มีต้นทุนในการเทรดต่ำกว่าตลาดใดๆในโลก โบรคเกอร์ได้รับรายได้จากส่วนต่างของ Bid/Ask ซึ่งก็คือค่า Spread นั่นเอง
สามารถส่งคำสั่งเทรดได้ทันที Instantaneous Execution of Market Orders
เมื่อส่งคำสั่งสามารถทำได้ทันทีภายใต้ภาวะตลาดปกติและได้ราคาที่คุณคิด ดังนั้นเมื่อคลิ๊กที่ราคาไหนก็จะได้ราคานั้น เพราะตลาดฟอร์เร็กซ์เป็นระบบเรียลไทม์ จะได้ราคาที่อยากได้ที่แสดงในหน้าจอโปรแกรมเทรด จะเห็นได้ว่าโบรคเกอร์ส่วนใหญ่จะรับประกันเพียงแค่ออร์เดอร์ Stop, Limit หรือออร์เดอร์ที่คุณเข้าเทรดภายในภาวะตลาดปกติเท่านั้น แต่ว่าถ้าเกิดในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมาก ออร์เดอร์อาจจะมีการล่าช้าบ้างทำให้ไม่ได้ราคาที่ตามคิด
สามารถเล่น Short - Selling ได้
ตลาดฟอร์เร็กซ์ไม่เหมือนตลาดทุนอื่นๆ ไม่มีกฏเงื่อนไขใดๆในการส่งคำสั่ง Short selling โอกาสในการเทรดขึ้นอยู่กับภาวะตลาดไม่ว่าเทรดเดอร์จะ Buy หรือ Sell หรือว่าตลาดจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน เพราะเมื่อมีการซื้อค่าเงินหนึ่งก็ต้องมีการขายอีกค่าเงินหนึ่ง จึงไม่มีผลกระทบอะไรกับตลาด ดังนั้นจึงสามารถส่งคำสั่งได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดกำลังเป็นขาขึ้นหรือขาลง
Forex กับ Futures
ความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่าง ฟอร์เร็กซ์ กับ Futures
| ||
ความได้เปรียบ
|
Forex
|
Futures
|
เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
|
YES
|
NO
|
ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด*
|
YES
|
NO
|
มี leverage สูงถึง 1:400
|
YES
|
NO
|
มีราคาที่แน่นอน
|
YES
|
NO
|
ความเสี่ยงมีจำกัด
|
YES
|
NO
|
สภาพคล่อง
ตลาดฟอร์เร็กซ์มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านๆเหรียญต่อวัน เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ซึ่งถ้าเราเทียบกันกับตลาดอื่นแล้วทำให้ปริมาณหรือขนาดของตลาดทุนอื่นๆดูเล็กลงไปทันที ตลาดฟิวเจอร์เทรดอยู่ราวๆ 30,000 ล้านเหรียญต่อวัน ตลาดฟิวเจอร์ไม่สามารถแข่งกับตลาดฟอร์เร็กซ์ เพราะมีปริมาณการเทรดที่จำกัด หมายความว่าฟอร์เร็กซ์ ออร์เดอร์สามารถส่งคำสั่งใดๆก็ตามได้ตลอดเวลาโดยปราศจากการคลาดเคลื่อนของราคา นอกจากในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ปกติเท่านั้น
เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ณ.เวลาบ่าย 2:15 วันอาทิตย์ (ตามเวลาสากล)
ตลาดเริ่มเทรดที่ ซิดนีย์และสิงคโปร์
เวลาหนึ่งทุ่มตรง ตลาดโตเกียวเปิดทำการ
ตามตลาดลอนดอนเวลาตีสอง
และสุดท้ายตลาดนิวยอร์คเปิดเวลา 8 โมงเช้า
และปิดที่เวลา 5 โมงเย็น
ดังนั้นก่อนที่ตลาดนิวยอร์คจะปิด ตลาดสิงคโปร์และตลาดซิดนีย์ก็กลับมาเปิดอีกครั้งแล้ว และก็วนอย่างนี้ไม่รู้จักจบสิ้น จนสุดสัปดาห์
ในฐานะเทรดเดอร์คนหนึ่ง ทำให้ต้องสนใจกับข่าวดีหรือข่าวร้ายที่เกิดขึ้นด้วยการเทรด ถ้าหากว่ามีข้อมูลที่สำคัญออกมาจากอังกฤษหรือญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดสหรัฐฯกำลังจะปิด นั่นหมายความถ้ามันเปิดตลาดมาวันต่อไป ราคาต่อวิ่งกระฉูดแน่นอน
(ตอนกลางคืน แม้อาจจะมีการเทรดฟิวเจอร์ค่าเงินอยู่บ้าง แต่ว่าปริมาณการเทรดก็เบาบางไม่มากนักและยากเกินไปสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่จะเข้าเทรด)
ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด
อะไรสำคัญที่สุดในการเทรดค่าเงิน คุณไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพราะคุณติดต่อโดยตรงกับ market maker ทางโปรแกรมออนไลน์ คุณไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้คนกลางไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย แต่ว่าก็ยังมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อยคือค่า Spread ในการเทรดฟิวเจอร์หรือการเทรดหุ้นหรือ Equity ก็มีเหมือนกัน โบรคเกอร์จะได้ผลตอบแทนจากค่า spread แทนที่จะเป็นค่าคอมมิชชั่น
มีราคาที่แน่นอน
เมื่อเทรดฟอร์เร็กซ์ คำสั่งซื้อขายของคุณจะได้รับการส่งคำสั่งอย่างรวดเร็วและได้ราคาที่คุณคิดไว้ภายใต้ภาวะตลาดปกติ แต่ในทางกลับกันราคาของฟิวเจอร์หรือ equity คุณอาจจะไม่ได้ราคาที่คุณอยากซื้อหรือสามารถส่งคำสั่งแล้วได้ออร์เดอร์นั้นทันทีทันใด แม้ว่าคุณจะใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงขนาดไหนหรือโบรคเกอร์ของคุณสามารถส่งคำสั่งได้เร็วขนาดไหน ราคาที่คุณต้องตั้งไว้นั้นอยู่ไกลจากราคาปัจจุบัน เพราะเมื่อคุณส่งราคานั้นออกไปมันเป็นราคาสุดท้ายที่มีการเทรดแต่ไม่ใช่ราคาที่ตัวสัญญาระบุราคาไว้ (เพราะว่าฟิวเจอร์เป็นการซื้อขายราคาในอนาคต)
ความเสี่ยงมีจำกัด
นักเทรดจะมี Position Limit วัตถุประสงค์เพื่อจัดการความเสี่ยง ตัวเลขนี้เกี่ยวกับจำนวนเงินในบัญชีเทรดของเทรดเดอร์ ความเสี่ยงถูกจำกัดให้เหลือน้อยลงในตลาดฟอร์เร็กซ์ เพราะโปรแกรมที่นักเทรดใช้อยู่จะเรียกมาร์จิ้นเพิ่มอัติโนมัติ (margin call) เมื่อเทรดเดอร์ไม่มีมาร์จิ้นเหลืออีกออร์เดอร์ที่เปิดอยู่จะถูกปิดทันทีตามขนาดของ Position ที่เปิดอยู่ ในตลาดฟิวเจอร์ Position ของคุณจะต้องใส่เงินเพิ่มเข้าไปตลอด ถ้ามันขาดทุนหรือว่ามีมูลค่าต่ำกว่ามาร์จิ้นที่โบรคเกอร์กำหนด คุณต้องใส่เงินจำนวนที่เท่ากับจำนวนที่ขาดทุนเข้าไปในบัญชี มันเป็นเรื่องบ้ามาก
เหตุผลอื่นๆที่ควรเลือกฟอร์เร็กซ์
ไม่มีคนกลาง
คนกลางในการแลกเปลี่ยนสามารถทำให้เราได้เปรียบหลายๆอย่าง แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของการเทรดโดยการผ่านคนกลางคือความสัมพันธ์ของคนกลาง ซึ่งระหว่างกลุ่มเทรดเดอร์และด้านผู้ซื้อ ด้านผู้ขายในตลาดการทุน ทุกเครื่องมือทางการเงินต้องมีค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายให้คนกลาง ซึ่งอาจจะคิดเป็นเวลาหรือเป็นค่าธรรมเนียมตายตัวก็แล้วแต่ แต่การเทรดค่าเงินนั้นไม่ต้องผ่านคนกลางและเทรดเดอร์ยังสามารถเทรดได้กับตลาดโดยตรงซึ่ง market maker เป็นผู้รับผิดชอบต่อออร์เดอร์ที่เทรดเดอร์เป็นผู้ส่งราคานั้นๆ ดังนั้นฟอร์เร็กซ์ซื้อขายได้ทันท่วงทีมากกว่า และยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าอีกด้วย
ไม่มีใครสามารถควบคุมตลาดได้
หลายๆครั้งที่อาจจะได้ยินว่ากองทุน A กำลังเทขาย X หรือกำลังซื้อ Z มีข่าวลือว่ากองทุนกำลังจะเทขายทำกำไรเพราะว่าถึงเวลาใกล้ปิดบัญชีแล้ว หรือว่าจะเป็นวัน "triple witching day" (เป็นวันที่สัญญาออพชั่นหรือฟิวเจอร์หมดพร้อมกันทั้ง index และก็ตัวหุ้นเอง) , และเหตุผลต่างๆนานาที่ออกมาอธิบายว่าทำไมหุ้นถึงขึ้นหรือทำไมตลาดอยู่ภาวะตลาดหมีหรือตลาดกระทิง ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่เคลื่อนไหวไปตามกองทุนไม่ว่าจะซื้อหรือขาย ในการเทรดฟอร์เร็กซ์การเข้ามาควบคุมตลาดได้ของธนาคารขนาดใหญ่หรือกองทุนใหญ่ๆมีน้อยมาก ธนาคารเฮดจ์ฟันด์ รัฐบาลหรือแม้แต่บริษัทรับแลกเงินต่างๆทั้งหมด เป็นแค่ผู้เทรดในตลาดทั่วโลก ซึ่งทำให้มันมีสภาพคล่องหรือมูลค่ามหาศาลนั่นเอง
นักวิเคราะห์กับบริษัทโบรคเกอร์ มีบทบาทน้อยในการชักนำตลาด
คุณเคยได้ยินเรื่องหุ้นหรือไม่ว่าบทวิเคราะห์ที่โบรคเกอร์ออกมาให้คำแนะนำ เช่น ซื้อเมื่อหุ้นราคากำลังปรับฐานมันเป็นธรรมชาติของการลงทุนแบบนี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาเตือนและไม่สนับสนุนการกระทำของโบรคเกอร์แต่ว่าเราก็ยังได้เห็นมันอยู่ การเปิดขายหุ้น IPO ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นโอกาสในการได้เป็นมหาชนของบริษัทและยังเป็นโอกาสในการทำกำไรของโบรคเกอร์อีกด้วย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ก็ทำงานให้โบรคเกอร์อยู่แล้ว และโบรคเกอร์ก็ต้องการลูกค้าก็เป็นธรรมดา ที่พวกเขาจะได้ผลประโยชน์ร่วมกันและเราก็ยังตกเป็นเหยื่ออยู่เรื่อยไป ตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงินฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดใหญ่มีปริมาณการเทรดเป็นพันๆล้านจากธนาคารทั่วทุกมุมถนนทั่วโลก และเพราะมันเป็นตลาดการเงินของโลก นักวิเคราะห์ในตลาดฟอร์เร็กซ์ไม่สามารถเป็นผู้ชี้นำทิศทางตลาดให้กับเทรดเดอร์ได้ พวกเขาเพียงทำได้แค่วิเคราะห์ตามภาวะตลาดเท่านั้นเอง
หุ้น 8,000 ตัวกับ 4 ค่าเงิน
มีหุ้นอยู่ในตลาดหุ้น New York Stock exchange ประมาณ 4,500 ตัวและอีกราวๆ 3500 ตัวในตลาด NASDAQ คุณเทรดตลาดไหนอยู่ คุณจะมีเวลาที่ไหนไปหาบริษัทที่มีผลประกอบการจากบริษัททั้งหมดแปดพันกว่าบริษัท แต่ในตลาดค่าเงินเรามีค่าเงินเพียงไม่กี่คู่ และส่วนใหญ่ที่เทรดกันมีแค่ 4 ค่าเงิน การดู 4 ค่าเงินง่ายกว่าการดูหุ้น 8 พันตัว คุณคงคิดเองได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น